วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

เที่ยวเว้: สะพาน 2 สี เส้นขั้นเขตแดนเหนือใต้แห่งประวัติศาสตร์

สะพาน 2 สี 


               จากตัวเมืองเว้ ออกมาสองประมาณชั่วโมงเศษๆ นี่เป็นจุดจอดรถจุดแรกของทัวร์ Klook  ไกด์เลือกที่จะหยุดรถใกล้กับสะพาน 2 สี สถานที่แห่งประวัติศาสตร์เวียดนาม สะพานไม้โครงร่างเหล็กที่ดูแล้วมี 2 สีแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ (เค้าเคยแบ่งเป็นสองฝากแฮะ เราก็พึ่งรู้ คืนครูประวัติศาตร์ ไปหมดละ)  
               เรื่องทาสี มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆสำหรับเรา ทาสีสะพานมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับที่แห่งนี้เป็นการทาสีที่ทำให้เกิดเรื่องราวยาวนานถึง 5 ปี ก็เพราะที่ตรงนี้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนเหนือใต้ เวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากจีน ส่วน เวียดนามใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ฝั่งหนึ่งฝั่งใดคงไม่อาจยอมให้สะพานเป็นสีที่ตนไม่ต้องการ สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันอยู่ตรงหน้า สะพานเดียวแต่มีสองสี ประเทศเดียวแต่เป็นสองฝ่าย 😥 
               ณ ปัจจุบันที่เห็นด้วยตานั้น สะพานครึ่งหนึ่งส่วนทางเหนือมีสีฟ้า และอีกครึ่งหนึ่งเหมือนไม่ได้ทาสี เป็นสีของไม้ธรรมดา  ที่นี่มีชื่อว่า  Đôi bờ Hiền Lương หรือ Hien Luong double Coast ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศเวียดนาม สะพานประวัติศาสตร์ข้ามแม่น้ำเบนไห่ Ben Hai (Bến Hải) ยาวประมาณ 170 เมตร  แม่น้ำสายนี้เคยใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนชั่วคราวระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ตามอนุสัญญาเจนีวา(Geneva Conventions) ที่มีขึ้นในปี ค.ศ.1954 ไม่แน่ใจว่าฉบับไหนนะ แต่เห็นได้ว่าแม่น้ำ เบนไห่ สายนี้เป็นแม่น้ำสายสำคัญทางประวัติศาสตร์เวียดนามเลยทีเดียว

ที่มาข้อมูลเรื่องสะพาน: จากปากไกด์และ ส่วนหนึ่งจาก http://www.vietnamtourism.com/en/index.php/tourism/items/3077



สะพานข้ามแม่น้ำเบนไห่
สะพาน 2 สี ข้ามแม่น้ำเบนไห่

ซุ้มประตูเวียดนามเหนือ แม่น้ำเบนไห่
ข้ามสะพาน 2 สีมาจะเห็น ซุ้มประตูฝั่งเวียดนามเหนือ


สะพาน 2 สี ข้ามแม่น้ำเบนไห่ เวียดนาม
สะพาน 2 สี

 ถึงแม้จะเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ มีผู้คนจำนวนหนึ่งหยุดรถเพื่อถ่ายภาพเป็นเวลาสั้น แล้วก็เดินทางกันต่อ ร้านขายของบริเวณนี้พอมีอยู่บ้าง เช่น พวกร้านเครื่องดื่ม ร้านขายอาหาร ขายโปสการ์ด ของที่ระลึก แต่ก็ไม่มากเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ แต่อย่างไร ร้านค้าแถวนี้ก็มีบริการห้องน้ำด้วย 
แต่ ณ จุดนี้ ไม่ขอพูดถึงห้องน้ำแล้วกัน^^ 
อ่อ ไม่มีร้านสะดวกซื้อให้เห็นเลยระแวกนี้ 😏
💧💧💧💧


กาแฟเย็นเวียดนาม ร้านแถวๆสะพาน2สี
กาแฟเย็นเวียดนาม 18kVND หวานมาก นมข้นเน้นๆ


                ประมาณ 30 นาที เราก็ออกเดินทางต่อ ขึ้นมาบนรถแล้ว เจอแอร์เย็นสบาย หลังพิงเบาะ เอนปรับในท่าเตรียม(นอน) มองผ่านหน้าต่างเห็นบ้านช่อง ปลูกเรียงๆกัน ไม่เบียดเสียด ผู้คนนั่งเก้าอี้เตี้ยตามสไตด์คนเวียดนาม หันหน้าประชันถนน จิบกาแฟ มือเขี่ยโทรศัพท์ บ้างก็เสวนา หัวเราะขำขัน ชีวิตเรื่อยๆไม่รีบเร่ง ไม่มีตึกสูงระเกะระกะ รถน้อย มอเตอร์ไซต์น้อยมาก มากๆ เมื่อเทียบกับ โฮจิมิน 😊😊  ฝนปรอยๆ แต่ก็ยังมีแดดอ่อนๆ คลอด้วยเสียงเพลงฟังสบายๆแต่ไม่ได้ศัพท์จากในรถ พาให้เปลือกตาหนัก 5 4 3 Zzzzz


-------------------------------------------------------------
บันทึกการเดินทางวันที่ 1 กันยายน 2561 😊
-------------------------------------------------------------

ยินดีรับคำติชม แนะนำ และขอขอบพระคุณที่อ่านค่ะ💕

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561

เที่ยวเว้ Huế :Cherish Hue Hotel

วันที่ 2 กันยายน เป็นวันชาติของเวียดนามซึ่งเป็นวันหยุด😊 เราก็หยุด
เปิดปฏิทินดู --อย่างไว--
2 กันยายน 2561 เป็นวันอาทิตย์ ก็เลยมีวันหยุดชดเชยอีกวัน 
ด้วยความล่าช้าในการจองตั๋ว(1อาทิตย์ก่อนวันหยุด) ทำให้กลับไทยไม่ได้ ---ตั๋วแพงเกิ๊น---

สุดท้ายก็มาลงที่ ไปเที่ยวเมืองเว้ ---เรียกแบบคนไทย---
แต่คนเวียดนามออกเสียงว่า เฮว้ (ฮะ+เว้)  โดย ฮะ จะออกเสียงสั้น แล้วไปเน้นที่คำหลังแทน
คนไทยก็เลยเรียกว่า เว้ มั้ง


ไปค่ะ เริ่มเดินทาง จากน่านฟ้าเมืองโฮจิมิน เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ เห็นไฟอร่ามแบบนี้ แสงจากมอเตอร์ไซค์นะจ๊ะ ไหลยังกับน้ำหลาก เห็นเมืองเค้าแบบนี้ในใจก็คิด --คิดถึงบ้านนนน😢--


ชั่วโมงเศษๆ เราก็มาถึงแล้น เมืองเว้
จากสนามบินเมืองเว้ไปโรงแรม เราใช้บริการแท็กซี่(ไม่กดมิเตอร์) แบบเหมาจ่าย แบบว่าพอบอกชื่อโรงแรม แล้วถามว่าเท่าไร พอใจก็ไปกัน  แต่แท็กซี่ที่กดมิเตอร์ก็น่าจะมีนะ 

แต่ Grab car ที่เคยใช้อย่างสะดวกสบายในโฮจิมิน ไม่มีเลยนะที่เว้เนี่ย 

หรือเพราะดึกเกินไป??? 


สรุปว่าเราก็มาถึงโรงแรม Cherish Hue hotel ในราคา 250K VND ตามที่ตกลงกันไว้กับคนขับอย่างปลอดภัย

เว้สงบกว่าโฮจิมินมากมาย มอเตอร์ไซค์น้อย คนไม่แอร์อัด 
ความรู้สึกแวบแรก...เหมือนได้กลับไทยเลย 😊


พูดถึง Cherish Hue Hotel กันดีกว่า
เราเลือกโรงแรมนี้เพราะ มีที่ฉีดก้น ฮ่าๆๆ ไม่รู้หรอกว่านี่คือโรงแรม 4 ดาว เพราะราคาไม่แพง เนื่องจากเราจองด้วย Agoda ประมาณ พันกว่าK VND  ไม่ถึง 2,000 บาท

ห้องพัก: ห้องที่ไปพักคือ 801 ชั้น 8  พื้น ผ้าขนหนู เตียง โต๊ะ สะอาดเรียบร้อยดี แต่เตียงเค้าเอาเตียงเดี่ยวมาวางใกล้ๆกันให้เป็นเตียงใหญ่ มันก็จะมีรอยต่อ แต่เค้าก็ทำให้เรียบเสมอกัน ไม่มีร่องให้ตก ไม่มีปัญหาอะไร แค่แปลกใจว่าทำไมไม่เป็นเตียงใหญ่ๆ แบบบ้านเรา หรือปกติที่นี่เค้าใช้กันแบบนี้  สำหรับเรา รวมๆคือดีเลย สมกับความสี่ดาว ⭐⭐⭐⭐ มีเรื่องเตียงอย่างเดียวที่สงสัย









อาหารเช้า: บุฟเฟ่อาหารเช้า ก็มีทั้งอาหารเวียดนามและแบบตะวันตก ผลไม้ ขนม ของคาวนี่เราไม่ค่อยสนใจเท่าไร กินๆพอเป็นกระษัย 😉  เราสนพวกของหวานมากกว่า เค้กที่คัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอย่างพอดีคำ หลากหลายรส คุ๊กกี้ ขนมปังปิ้ง ขนมปังฝรั่งเศสพร้อมแยม สตอเบอร์รี่ สัปปะรส เสาวรส และอื่นๆ --เดินเริงร่าหลายรอบเลย--  อร่อย เราปลื้ม ที่ปลื้มสุดๆคือเปิดบริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าอะ ตอนแรกจองทัวเอาไว้ต้องออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้า เราก็คิดว่า ไม่ทันกินอะไรแน่ๆเลยตอนเช้า แต่ต้องขอบคุณ Cherish จริงๆ ที่ทำให้เรามีความสุขตั้งแต่เช้าตรู่ 💓💓💓💓💓
ของฟรีมีอะไรบ้าง: ไวไฟฟรี ใช้ได้จริง สัญญาณดีด้วย มีสระน้ำเล็กๆให้ใช้บริการกันฟรี
ของลดราคาล่ะ: ลด 30% สำหรับบริการสปาของโรงแรม











พักอยู่โรงแรมนี้ 2 คืน(31/8/61-1/9/61) วันที่เช็คเอาท์ พนักงานก็มาพูดคุย สอบถามถึงความพึงพอใจ ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ลืมที่จะสัญญาใจ "หวังว่าเราคงมีโอกาสได้พบกันใหม่คราวหน้านะค่ะ" --เค้าไม่ได้พูดไทย พี่แปลเอง แปลตามรอยยิ้มและท่าทางอันน่าหลงใหล ถ้าเค้าด่าจะรู้ไหม บอกเลยไม่รู้ ฮี่ๆๆ สวย มารยาทงาม ประทับใจจ้า--

เนื่องจากเที่ยวบินขากลับ ดึกมาก เราเลยรบกวนฝากข้าวของไว้ที่โรงแรมก่อนแล้วไปตะลอนต่อจนถึงเวลาต้องไปสนามบิน พนักงานเอากระเป๋ามาส่งคืนให้อย่างนอบน้อม แล้วก็ถึงเวลาจากกันจริงๆ

ก็ถ้ามาเที่ยว เว้ อีก
นี่คือโรงแรมแรกที่เราจะพิจารณา
https://goo.gl/maps/WVk7vRZegeA2