สะพาน 2 สี
จากตัวเมืองเว้ ออกมาสองประมาณชั่วโมงเศษๆ นี่เป็นจุดจอดรถจุดแรกของทัวร์ Klook ไกด์เลือกที่จะหยุดรถใกล้กับสะพาน 2 สี สถานที่แห่งประวัติศาสตร์เวียดนาม สะพานไม้โครงร่างเหล็กที่ดูแล้วมี 2 สีแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ (เค้าเคยแบ่งเป็นสองฝากแฮะ เราก็พึ่งรู้ คืนครูประวัติศาตร์ ไปหมดละ)
เรื่องทาสี มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆสำหรับเรา ทาสีสะพานมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับที่แห่งนี้เป็นการทาสีที่ทำให้เกิดเรื่องราวยาวนานถึง 5 ปี ก็เพราะที่ตรงนี้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนเหนือใต้ เวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากจีน ส่วน เวียดนามใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ฝั่งหนึ่งฝั่งใดคงไม่อาจยอมให้สะพานเป็นสีที่ตนไม่ต้องการ สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันอยู่ตรงหน้า สะพานเดียวแต่มีสองสี ประเทศเดียวแต่เป็นสองฝ่าย 😥
ณ ปัจจุบันที่เห็นด้วยตานั้น สะพานครึ่งหนึ่งส่วนทางเหนือมีสีฟ้า และอีกครึ่งหนึ่งเหมือนไม่ได้ทาสี เป็นสีของไม้ธรรมดา ที่นี่มีชื่อว่า Đôi bờ Hiền Lương หรือ Hien Luong double Coast ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศเวียดนาม สะพานประวัติศาสตร์ข้ามแม่น้ำเบนไห่ Ben Hai (Bến Hải) ยาวประมาณ 170 เมตร แม่น้ำสายนี้เคยใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนชั่วคราวระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ตามอนุสัญญาเจนีวา(Geneva Conventions) ที่มีขึ้นในปี ค.ศ.1954 ไม่แน่ใจว่าฉบับไหนนะ แต่เห็นได้ว่าแม่น้ำ เบนไห่ สายนี้เป็นแม่น้ำสายสำคัญทางประวัติศาสตร์เวียดนามเลยทีเดียว
ที่มาข้อมูลเรื่องสะพาน: จากปากไกด์และ ส่วนหนึ่งจาก http://www.vietnamtourism.com/en/index.php/tourism/items/3077
สะพาน 2 สี ข้ามแม่น้ำเบนไห่ |
ข้ามสะพาน 2 สีมาจะเห็น ซุ้มประตูฝั่งเวียดนามเหนือ |
สะพาน 2 สี |
ถึงแม้จะเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ มีผู้คนจำนวนหนึ่งหยุดรถเพื่อถ่ายภาพเป็นเวลาสั้น แล้วก็เดินทางกันต่อ ร้านขายของบริเวณนี้พอมีอยู่บ้าง เช่น พวกร้านเครื่องดื่ม ร้านขายอาหาร ขายโปสการ์ด ของที่ระลึก แต่ก็ไม่มากเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ แต่อย่างไร ร้านค้าแถวนี้ก็มีบริการห้องน้ำด้วย
แต่ ณ จุดนี้ ไม่ขอพูดถึงห้องน้ำแล้วกัน^^
อ่อ ไม่มีร้านสะดวกซื้อให้เห็นเลยระแวกนี้ 😏
💧💧💧💧
กาแฟเย็นเวียดนาม 18kVND หวานมาก นมข้นเน้นๆ
|
ประมาณ 30 นาที เราก็ออกเดินทางต่อ ขึ้นมาบนรถแล้ว เจอแอร์เย็นสบาย หลังพิงเบาะ เอนปรับในท่าเตรียม(นอน) มองผ่านหน้าต่างเห็นบ้านช่อง ปลูกเรียงๆกัน ไม่เบียดเสียด ผู้คนนั่งเก้าอี้เตี้ยตามสไตด์คนเวียดนาม หันหน้าประชันถนน จิบกาแฟ มือเขี่ยโทรศัพท์ บ้างก็เสวนา หัวเราะขำขัน ชีวิตเรื่อยๆไม่รีบเร่ง ไม่มีตึกสูงระเกะระกะ รถน้อย มอเตอร์ไซต์น้อยมาก มากๆ เมื่อเทียบกับ โฮจิมิน 😊😊 ฝนปรอยๆ แต่ก็ยังมีแดดอ่อนๆ คลอด้วยเสียงเพลงฟังสบายๆแต่ไม่ได้ศัพท์จากในรถ พาให้เปลือกตาหนัก 5 4 3 Zzzzz
-------------------------------------------------------------
บันทึกการเดินทางวันที่ 1 กันยายน 2561 😊
-------------------------------------------------------------
ยินดีรับคำติชม แนะนำ และขอขอบพระคุณที่อ่านค่ะ💕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น